คาดยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริดทั่วโลกปี 2024 พุ่งทำสถิติใหม่

ทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดจะอยู่ที่ 17 ล้านคันในปี 2024 เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2023 

IEA ระบุด้วยว่า รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีราคาเท่ากับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันภายในปี 2030 หลังราคาลดลง ยกตัวอย่างช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เทสลาได้ปรับลดราคาลงอีกครั้ง เพื่อพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่งจากจีน เช่น บีวายดี (BYD) ซึ่งเป็นคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดที่จะมาแย่งตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดในโลก

บีโอไอ อนุมัติ "Chery" ค่ายรถยนต์รายใหญ่จีน ตั้งฐานผลิต EV ในไทย

“เทสลา” ประกาศหั่นราคารถ EV ในหลายประเทศอีกครั้ง

ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างบ่นกันว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตชะลอตัวลง ทำให้ต้องให้ส่วนลดเพื่อที่จะแข่งขันได้ แม้ว่าวิธีนี้อาจสร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตบางราย แต่ราคาที่ลดลงก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเร็วขึ้น 

ฟาตีห์ บีรอล ผู้อำนวยการ IEA ยอมรับว่า ยอดขายในบางประเทศนั้นสูงกว่าประเทศอื่นๆ  แต่ก็โมเมนตัมของการเปลี่ยนผ่านค่อนข้างชัดเจน

บีรอลมองว่า การปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในเฟสใหม่ มากกว่าที่จะแผ่วลง โดยการลงทุนในการผลิตแบตเตอรี่ที่มากขึ้นแสดงให้เห็นว่า ระบบซัพพลายเชนรถยนต์ไฟฟ้ากำลังพัฒนาให้ตอบรับแผนการขยายธุรกิจที่ทะเยอทะยานของค่ายผู้ผลิตรถยนต์  ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วต่อไป 

IEA ระบุว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดขายได้มากกว่าปี 2020 ทั้งปี 

รถยนต์ไฮบริดยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก เมื่อใช้งาน แม้ว่าหลายฝ่ายในอุตสาหกรรมรถยนต์จะอ้างว่า หากใช้อย่างถูกต้อง รถยนต์ไฮบริดจะเป็นขั้นตอนที่จำเป็นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ จนกว่าโครงสร้างพื้นฐานจุดชาร์จสาธารณะจะดีขึ้น

บางประเทศมุ่งส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เช่น นอร์เวย์ ที่ 80% ของรถยนต์ทั้งหมดที่ขายในปี 2023 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม นโยบายแต่ละประเทศก็แตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยจีนและประเทศในยุโรปที่ร่ำรวยกว่ามักจะนำหน้าประเทศอื่น ๆ ที่เหลือในโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย

2024-04-24T01:51:20Z dg43tfdfdgfd