‘Ford Next Level Experience’ เป็นกิจกรรมที่ฟอร์ด ประเทศไทย จัดให้คณะสื่อมวลชนจากประเทศในกลุ่มอาเซียน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ร่วมผจญภัยทริปในเมืองซาปา เมืองในสายหมอกของประเทศเวียดนาม สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของนักเดินทางสายลุย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อน กับรถฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่รุ่นย่อยล่าสุด ทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสตอร์มแทรค, ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไวลด์แทรค และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และเบนซิน 3.0 ลิตร
การเดินทางเริ่มต้นจากโรงแรม PAO'S SAPA Leisure ซึ่งทีมงานได้จัดเตรียมรถไว้ให้ทดสอบกว่า 10 คัน โดย "เดลินิวส์" ได้รับ เอเวอเรสต์ รุ่นไวลด์แทรค รถอเนกประสงค์เป็นรถคู่ใจ ดูจากภายนอกมีเอกลักษณ์ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์เฉพาะรุ่นไวลด์แทรค พร้อมตัวอักษร WILDTRAK สีดำบนฝากระโปรงหน้า ออกแบบสะท้อนสไตล์นักผจญภัยโดยเฉพาะ ครบครันทั้งความเท่แข็งแกร่ง และขับสนุกในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสัมภาระบนราวหลังคาแบบยกสูง ซึ่งเป็นแบบใหม่เฉพาะฟอร์ดเอเวอเรสต์ รุ่นไวลด์แทรค
ภายในห้องโดยสารตกแต่งสีดำให้ดุดันเอกลักษณ์ของรุ่น เบาะนั่งเป็นหนังสังเคราะห์สีดำเดินตะเข็บด้วยด้ายสีส้มและโลโก้ซิกเนเจอร์ WILDTRAK ที่เบาะคู่หน้า และปรับด้วยไฟฟ้าถึง 8 ทิศทาง เบาะแถวที่ 3 พับได้แบบไฟฟ้านั่งสบาย แอร์แยกปรับอิสระซ้าย-ขวา และผู้โดยสารตอนหลัง นอกจากนี้ยังไม่พลาดการติดต่อและความบันเทิง หน้าจอแสดงผลสีแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้วเรียกว่าดีที่สุด ระบบสั่งงานด้วยเสียง รองรับทั้งแอปเปิลคาร์เพลย์และแอนดรอย ออโต้ หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัด 12.4 นิ้ว ทั้งชัดเจนใช้งานง่าย
อย่างไรก็ตามการขับบนถนนที่คดเคี้ยวและเล็กแคบเรียกว่าถนนพอดีคันกับรถของเมืองซาปา ผ่านชุมชน ถนนขรุขระ ไต่ไหล่เขาสูงชันต้องลุ้นทุกครั้งที่มีรถสวนหรือหลบหลีกให้ทางกัน ตลอดระยะทางรวมๆราว 20 กม. ที่รับรู้ได้เลยว่ากล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยให้มองเห็นอุปสรรคได้รอบตัว เพิ่มความมั่นใจในการมุ่งหน้าสู่อ่างเก็บน้ำเซียวมีที (Seo My Ty) อ่างเก็บน้ำที่อยู่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเลของเวียดนามที่ 1,600 เมตร ท่ามกลางทัศนียภาพทางธรรมชาติที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและทุ่งนาขั้นบันไดเขียวขจีที่มีให้เห็นตลอดเส้นทาง ซึ่งเป็นไฮไลต์ของเมืองซาปา
เมื่อถึงอ่างเก็บน้ำเซียวมีทีแล้ว ทางทีมงานฟอร์ดได้แนะนำการทดสอบและกิจกรรม จากนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมจึงได้แบ่งกลุ่มทดสอบสมรรถนะและการใช้งานรถฟอร์ดเจเนอเรชันใหม่ ใน 3 สถานี โดยกลุ่มของเราเริ่มสถานีแรกกับการทดสอบฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไวลด์แทรค ช่วงนี้ได้พิสูจน์รถเอสยูวีสำหรับครอบครัวที่ผสานสมรรถนะเพื่อการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบาย ต่อยอดสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือชั้น อัดแน่นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter ครั้งแรกในรุ่น ให้พละกำลัง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมดได้แก่ Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts และ Sand เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิวเพียงแค่เรียนรู้การทำงานที่ถูกต้อง
สถานีนี้ต้องขับผ่านอุปสรรคทั้งลุยโคลน ปีนป่ายหินในลำธาร และทราย เรียกว่าพร้อมลุยทุกสถานการณ์กับการขับรถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มม. รวมถึงระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมด เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิวเป็นเรื่องง่ายๆ
ถัดมาเป็นสถานีที่สอง ได้ลองพละกำลังของ ฟอร์ดเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร ในสถานนี้ที่ให้ผู้ขับได้ก้าวข้ามความท้าทายไปอีกระดับกับบททดสอบกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงอัดแน่นด้วยดีเอ็นเอฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ที่ออกแบบมาเพื่อเอาชนะทุกสภาพถนน โดยขับบนเส้นทางสุดท้าทายบริเวณอ่างเก็บน้ำเซียวมีทีอันเต็มไปด้วยเนินหินบ่อโคลน และทราย ด้วยโหมดการขับขี่ที่มีมากถึง 7 โหมด และการใช้ฟังก์ชัน Trail Control ซึ่งเปรียบเสมือนระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติ ใช้ในการไต่ขึ้นและลงทางลาดชัน ทำให้ขับขี่ผ่านอุปสรรคที่ยากลำบากไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งการแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูงตามมาตรฐานของฟอร์ดที่ยังมีทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program-ESP) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อม Electric Brake Boosterระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำกล้องมองรอบคัน 360 องศา และฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย
มาถึงสถานีสุดท้ายกับการใช้ฟังก์ชันใช้งานอเนกประสงค์ใน ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสตอร์มแทรค ทั้งราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ได้อย่างสะดวกสบายกับความสามารถในการเลื่อนจุดล็อคได้ถึง 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียว ทั้งยังรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 80 กก. (ขณะขับ) และ 250 กก. (ขณะจอด) ในส่วนนี้ต้องยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสปอร์ตบาร์นั้นง่ายมาก ใช้เวลาสั้นๆ ก็สำเร็จ โดยเฉพาะการทดสอบการบรรทุกเรือคยัคและซัพบอร์ด จากนั้นได้ร่วมเล่นกีฬาทางน้ำ เพื่อจำลองการใช้งานจริงของผู้ใช้งานรถฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นสตอร์มแทรค ที่มองหาการใช้งานรถกระบะที่เน้นความอเนกประสงค์มากกว่าที่เคย
รวมถึงทดลองใช้โหมดการขับขี่แบบออฟโรด ทั้งในโหมดโคลน (Mud Mode) โหมดทราย (Sand Mode) และการขับผ่านทางลื่นด้วยโหมดถนนลื่น (Slippery) สำหรับ รุ่นสตอร์มแทรค ถือเป็นสุดยอดรถกระบะสมรรถนะสมบุกสมบัน ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดท้าทายไปอีกขั้นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ มีพละกำลัง 210 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร พร้อมตัวเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ 4x2 และแบบ 4x4 มาพร้อมเทคโนโลยีระบบช่วยจอดอัจฉริยะเป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ นอกเหนือจากฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะในตระกูลเพอร์ฟอร์มานซ์
หลังจากทดสอบครบทุกสถานีเสร็จเรียบแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกลับที่พักโดยใช้เส้นทางเดิม ผ่านบรรยากาศ วิวทิวทัศน์ ชุมชนและถนนที่ทั้งคับแคบสูงชันที่ท้าทายฝีมือการขับของผู้อยู่หลังพวงมาลัย แต่ทว่าไม่เป็นใช่ปัญหาเพราะระบบที่ฟอร์ด เจเนอเรชั่นใหม่ใส่มาให้รถที่นำมาทดสอบครั้งนี้ สอบผ่านอุปสรรคการผจญภัยและสร้างความประทับใจ
นอกจากนี้ฟอร์ด เจเนอเรชั่นใหม่ในรุ่นเอ็กซ์แอลเอส รถกระบะที่ตอบโจทย์การใช้งานแบบอเนกประสงค์ในเชิงธุรกิจขนาดย่อม มีจุดเด่นที่ช่วงล่างแข็งแกร่งให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก มีทั้งแบบตอนครึ่งและแบบ 4 ประตู ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า และแรงบิด 405 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เพิ่มความสะดวกสบายในราคาสุดคุ้ม
ทางด้าน น.ส.กมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย และตลาดอาเซียน กล่าวว่า "กิจกรรมทดสอบรถในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของรถฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ รุ่นย่อยล่าสุด ที่ทีมวิศวกรของฟอร์ดออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อมอบตัวเลือกใหม่ๆ ในการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ตอบโจทย์ แต่ละวัตถุประสงค์การใช้งานได้เหนือกว่าที่เคยมีมา กิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์เต็มสมรรถนะ พร้อมพิสูจน์ระบบส่งกำลังและช่วงล่างความสะดวกสบายของอุปกรณ์ทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งฟีเจอร์ช่วยในการขับขี่อัจฉริยะที่ครบครันเพื่อเพิ่มความอุ่นใจและความปลอดภัยสำหรับทุกการเดินทาง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของฟอร์ด".
2023-06-02T07:50:17Z dg43tfdfdgfd